[ รีวิว ] Nokia C32 รุ่นเล็กดีไซน์สวย ราคาเร้าใจ 3,590 บาท

เปิดตัวกันไปในงาน MWC2023 และเข้ามาขายในไทยพร้อมๆกับหลายประเทศ รอบนี้ HMD ผู้ผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Nokia Mobile ถือว่าทำตลาดได้เร็วครับ โดยที่ Nokia C32 จะเปิดตัวมาทั้งหมด 3 สีคือ เขียว (Rush Green) ดำ (Charcoal) และชมพู (Pink Sand) แต่ในไทยจะมีสองสีคือดำและเขียว โดยมาในรุ่น 4/128 รุ่นเดียวนะครับ

- สัมผัสแรกแกะกล่อง -

เป็นอีกรุ่นที่งานประกอบดีเกินราคามาก ไม่มีตรงไหนก็รู้สึกถึงความก๊องแก๊ง พอแกะออกมาจากกล่องเครื่องจะติดฟิล์มกันรอยมาแล้ว พร้อมเคสใส คู่มือ หูฟัง อแดปเตอร์และสายยูเอสบี Type C อยู่ในกล่องนะครับ ตัวเครื่องขนาดและน้ำหนักเหมาะมือดีจริงๆ สัมผัสได้ถึงความใส่ใจในวัสดุที่ใช้

- ตัวเครื่องทั่วไป -

ด้านหน้าเป็นจอ IPS LCD ขนาดเหมาะมือที่ 6.5 นิ้ว ด้านล่างมีคางใหญ่สักหน่อย (น่าจะมีชื่อ Nokia ติดตรงนี้นะ) ส่วนด้านหลังเป็นกระจกมันวาวสวยงามมากครับ ตัวสีดำจะออกจะเป็นสีแบบเรียบๆออกแกมน้ำตาลตัดด้วยโลโก้สีน้ำตาลทอง ส่วนสีเขียวจะมีดีเทลเป็นเส้นๆ ตัดขอบด้วยสีเทาและโลโก้สีเงิน น้ำหนักค่อนข้างดีแต่มีความลื่นจะหลุดมือเพราะเป็นกระจก แนะนำให้สวมเคสใสสวยๆที่แถมมาในกล่องก็จะช่วยได้มากครับ

- ระบบปฏิบัติการ -

Nokia C32 ใช้ระบบปฏิบัติการ Pure Android เวอร์ชั่น 13 ตัวเต็ม โดยทางโนเกียแจ้งว่าไม่สามารถอัพเกรดข้ามไปแอนดรอยด์รุ่นใหม่ได้ แต่ผู้ใช้จะได้รับการอัพเดทความปลอดภัยระบบนาน 2 ปีเต็ม เมื่อใช้งานจริงก็จะพบว่ามันเหมือนกับโนเกียในทุกรุ่นที่เป็น Pure Android ไม่มีลูกเล่นพิเศษอะไร เรื่องความลื่นไหลยังทำได้ไม่ดีเท่ารุ่นแพง ซึ่งก็สมเหตุผลแก่ราคาของรุ่นเริ่มต้นแบบนี้ครับ

- ประสิทธิภาพและทำงานทั่วไป -

โนเกียวางรุ่น C เป็นรุ่นเริ่มต้น และในซีรี่ย์นี้จะแบ่งรหัสตามเลขนำหน้า 1 ถึง 3 ... ซึ่งน้อง C32 นั้นผมนิยามว่า "รุ่นเริ่มต้นที่น่าใช้สุด" เพราะหากเทียบกับซีรี่ย์เดียวกันอย่าง C12 ที่วางขายก่อนหน้าถือว่าทำได้ดีกว่า ทั้งตัวทัชสกรีนลื่นไหลกว่าอย่างชัดเจน งานประกอบดีกว่า กล้องดีกว่า รวมถึงช่องต่อที่เปลี่ยนมาเป็น Type C สะดวกสบายเข้ายุคปัจจุบัน

หน่วยประมวลรุ่นนี้คือ Unisoc SC9863A1 ทำความเร็วออกมาได้แค่ใช้งานเบื้องต้น การใช้งานทั่วไปไม่มีสะดุดครับ แต่หากเล่นเกมทดสอบด้วย Genshin Impact จะพบว่าสะดุดจนหัวใจจะวาย (55+) แนะนำสายเกมทั้งหลายเพิ่มเงินสักหน่อยไป X10 น่าจะเวิร์คกว่าครับ ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะลื่นอะไรขนาดนั้น

สแกนนิ้วด้านข้างเครื่องทำได้ไวดีมากๆ ปุ่มกดแน่นทุกปุ่ม มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ถือว่าให้มาครบครัน การใช้งานไม่พบปัญหาอะไรครับ ปกติตามมาตรฐานทั่วไปอย่างที่ควรเป็น ไม่มีอะไรที่รู้สึกขัดใจจนต้องกรี๊ดออกมา

- การถ่ายภาพ -

ด้วยความรุ่นเล็กแม้จะใส่กล้องหลักมา 50 ล้านพิกเซลแต่ก็ไม่ได้คมชัดอย่างใจคิดเท่าไร สีสันดีเพราะมีซอฟแวร์ช่วย แต่ต้องถือให้มือนิ่งหน่อยภาพถึงจะออกมาดี

โดยกล้องหลักจะมีโหมด Times Lapse, Macro, Night Mode, Protrait, Auto มาให้ตามมาตรฐาน สามารถใช้งาน HDR ได้พร้อมการใส่ลายน้ำในภาพ และทำงานร่วมกับ Google Lens ได้ครับ

ส่วนการถ่ายวิดีโอกล้องหลักได้สูงสุดแบบ FHD 1080P และกล้องหน้าจะอยู่ที่ HD 720P ให้คุณภาพมาตรฐาน สีออกซีดๆนิดหน่อยแต่ไม่แย่สุดจนรับไม่ได้

กล้องหน้าไม่มีโหมดบิวตี้ พอกดมาแล้วอยู่ในเกณฑ์พอใช้แต่ไม่ดีในที่แสงน้อย แนะนำให้ใช้แอพถ่ายภาพเบลอผิวสวยๆดีกว่ากล้องสดครับ

- การจัดการพลังงาน -

แบตเตอรี่ 5,000 มิลลิแอมป์ถือว่าเยอะตามสมัยนิยม ถ้าความรู้สึกผมจริงๆส่วนตัวคิดว่าเมื่อเปิดเครื่องวางเฉยๆ ก็รู้สึกถึงว่าค่อนข้างกินไฟประมาณนึง อาจจะเพราะชิปประมวลผลแบรนด์นี้เองที่ยังไม่มีจุดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงาน

เรื่องเล่นเกมหรือแอพโซเชียลมีเดียก็ยุบลงชั่วโมงละ 12 - 15% ถ่ายภาพอาจจะยุบลงเร็วนิดหน่อย แต่ทั้งหมดก็สามารถใช้ได้จากเช้ามาเย็นแบบเหลือๆ ส่วนการเปิดสแตนบายคำนวนจากยุบวันละประมาณ 10-20% คาดว่าน่าจะอยู่ถึง 5 วันต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบครับ

รุ่นนี้รองรับการชาร์จ 10W และอแดปเตอร์ในกล่องก็ให้มาพอดีกัน ชาร์จจาก 5% จนเต็ม 100% ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง 35 นาทีครับ

- สรุปภาพรวม -

รุ่นนี้เป็นรุ่นเล็กที่ทำออกมาเกือบดีไปหมดทุกอย่างโดยเฉพาะฟีลลิ่งเวลาจับถือ จะพลาดแค่ชิปประมวลผลที่น่าจะใช้ของดีกว่านี้ ทีแรกคิดว่าชิปไหนก็คล้ายกันแต่เมื่อใช้จริงพบว่า... มันคือรุ่นเริ่มต้นจริงๆ เหมาะที่สุดกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้าน เด็กที่เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน หรือไว้ใช้เป็นตัวเลือกสำรอง พกเท่ๆสไตล์คนรักโนเกียอันนี้ก็ได้อยู่