[ รีวิว ] Nokia X20 สมาร์ทโฟน 5G ชั้นเรือธงในราคาสบายๆ 6,990 บาท




สวัสดีทุกท่านที่รออ่านรีวิวครับ ก่อนอื่นต้องบอกว่า Nokia X20 5G เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จาก HMD เปิดตัวมาเมื่อเดือนเมษายน 2021 ซึ่งนับถึงวันนี้ก็ 2 ปีเศษ ... และนี่คือข้อดีที่ทำให้น้องราคาถูกลงกว่าครึ่ง คือ 6,990 บาทพร้อมของแถมมากมาย ยังรอช้าอยู่ทำไมครับ กดสั่งซื้อใน Shopee​ และ Lazada กันเล้ยยย



- แรกสัมผัสแกะกล่อง -
Nokia X20 5G จัดอยู่ในสมาร์ทโฟนชั้นเรือธงครับ เปิดตัวมาด้วยราคายุโรป 350 ยูโร (13,300 บาท) รุ่นนี้ต้องชื่นชมงานประกอบว่าดีเอามากๆครับ โนเกียก็คือโนเกียคุณภาพแบบถ้าคุณพลิกหรือบีบดูจะพบว่ามันต่างกับค่ายอื่นชัดเจน


ในกล่องมีของใช้พื้นฐานมาให้ครบไม่ว่าจะเป็นเข็มจิ้มซิมการ์ด, อแดปเตอร์, สายยูเอสบีแบบ Type-C​, หูฟังแบบมีสาย , คู่มือพื้นฐาน และเคสแบบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลของแท้จาก Nokia ที่มีให้ในกล่องไม่ต้องซื้อหาเพิ่ม และตัวเครื่องถูกติดฟิล์มพลาสติกมาให้แล้ว พร้อมนำออกให้งานได้ทันทีเลยครับ

อ้อ ... พิเศษสุด ใครซื้อในช่วงโปรก็จะได้เคสแบบพิเศษของแท้ที่สามารถตั้งมือถือได้ ตัวนี้ของเทพเลยครับ โดยที่วัสดุด้านหลังเป็นอคริลิคใส ขอบเป็นยาง และด้านหลังบริเวณขอตั้งเป็นพลาสติกหุ้มด้วยหนังเทียมที่สามารถพับไปมาตามใจได้ หรือเอามือสอดเข้าด้านหลังให้กระชับและออกไปลุยได้ทันที เคสนี้ใช้ได้ทั้ง X10 และ X20 ครับเพราะเป็นฝาแฝดกัน (มีจำนวนจำกัดนะ...ถ้าหมดก็จะได้เคสใสปกติแทนครับ)




- ตัวเครื่องทั่วไป - 
ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่แต่ส่วนตัวคิดว่าน้ำหนักเบาครับ (เป็นคนมือใหญ่) ขนาดพอดีมือ ฝาหลังสี Midnight​ Sun​ หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืนแบบฟินแลนด์สไตล์ที่ว่าออกเป็นสีชมพูหรือทองแดงไม่แน่ใจ แต่มีความเงาเล่นสีฝาหลังในระดับที่คล้ายกับ Nokia G50 ขอบกล้องและขอบเครื่องตัดเป็นสีทองแดงค่อนข้างชัดเจน ทำออกได้ได้สวยและเป็นตัวเองมาก
พลิกดูรอบเครื่อง
- ด้านหลัง เป็นกล้องดิจิตอล 4 ตัวในกรอบวงกลมที่ตัดโลหะสีทองแดงพร้อมโลโก้ของ ZEISS สวยงามมาก
- ฝั่งซ้าย เป็นปุ่ม Google Assistant​ ที่เราสามารถเลือกปิดหรือเปิดการทำงานได้
- ด้านบน เรียบๆ มีแค่ช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับการบันทึกเสียงด้วยระบบ Nokia OZO Audio
- ด้านขวา มีปุ่มลดเพิ่มเสียงและปุ่มเพาเวอร์ที่ใช้สแกนลายนิ้วมือในตัว 
- ด้านล่าง จะเป็นพอร์ทหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร,ไมโครโฟนสนทนา, ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C​ และลำโพงเรียกเข้าซึ่งมีให้ตัวเดียวที่จุดนี้ครับ



- ระบบ​การทำงาน -
โนเกียเปิดตัวรุ่นนี้มาเป็นระบบ Android​ 11 ซึ่งวันนี้ ณ ที่ผมได้รีวิวน้องสามารถอัพเดทได้สุดที่ Android​ 13 และเหลือแพทช์ความปลอดภัยประมาณ 6-8 เดือน (ไม่แน่ใจ) แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติครับ ลื่นและปลอดภัยเพราะเป็นระบบ Android​ One จาก Google 


- ประสิทธิภาพ​การทำงาน -
รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 480 5G ขนาด 8 นาโนเมตร (GPU : Adreno 619)​ ให้ประสิทธิภาพในระดับกลาง ซึ่งข้อนี้ต้องบอกว่าความแรงของชิปเซ็ตตัวนี้มีประสิทธิภาพเทียบได้กับซีรี่ย์ 6 หรือ 7 ของรุ่นก่อนหน้า


แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในระดับกลางๆ การเล่นเกมฮิตอย่าง ROV จัดอยู่ในระดับที่ดีครับ จากการใช้งานของผมเองพบว่าลื่นพอสมควรมีสะดุดบ้างตอนโหลดเสร็จ ปรับกราฟิคภาพ HD ได้ระดับ 'สูงมาก'​ และการแสดงผลถูกล็อคไว้ที่ระดับ 'สูง'​ กินแบตประมาณ 8-12% ต่อชั่วโมง (แต่ส่วนตัวเล่นไม่เคยถึง 2 ชั่วโมง)​ ตัวเครื่องแค่อุ่นไม่ร้อนจี๋จนต้องวาง ปกติเราจะใส่เคสกันอยู่แล้วด้วยแล้วข้อนี้เลยหายห่วงครับ



ด้านแอพโซเชียลมีเดียก็ทำได้ลื่นไหลครับ แอพพลิเคชั่นมีให้ดาวน์โหลดใน Google Play Store เมื่อรันแอพไม่พบปัญหาหรือดีเลย์ทั้ง Facebook​, Instagram​, Twitter​, Line หรือแอพธนาคารการเงินต่างๆถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาอะไรกับน้อง Nokia X20 บนระบบปฏิบัติการ Android​ 13​ ครับ


จากการใช้งานจริงทั่วไปไม่พบความผิดปกติอะไรจนต้องเอ๊ะครับ เนื่องจากสเปคไม่ได้ต่ำมาก ลื่นไหลดีเป็นปกติ สแกนนิ้วและหน้าไวมากครับ (ไวจนตกใจ 55+) แต่พอใจตรงลำโพงติดเครื่องอันนี้ดีกว่า Nokia​ X10 อย่างชัดเจน มีความนุ่มทุ้ม มิติคมชัดเข้าหูกว่า


จอภาพรุ่นนี้เป็นแบบ IPS LCD ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดแบบ FHD แบบ 20:9 มีความคมชัดดีแต่ยังสู้แสงได้ไม่มาก สีสันค่อนข้างตรง ตัวกล้องเจาะรูด้านบนส่วนตัวถูกใจมากครับ ไม่เป็นอุปสรรคกับการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ตัวจอถูกครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5​ ที่ทนทานและให้สัมผัสที่ดีเวลาได้จับถือครับ 


- การถ่ายภาพ -
X20 มาพร้อมกล้องถ่ายภาพ 4 ตัวที่ใช้เลนส์ของ ZEISS โดยเป็นตัวหลัก 64 ล้านพิกเซล, อัลตร้าไวด์ 5 ล้านพิกเซล, มาโคร 2 ล้านพิกเซล และวัดระยะตื้นลึก 2 ล้านพิกเซล 



ผลที่ได้คือให้ภาพออกมาชัดมากเป็นที่พอใจครับ คมชัดกว่าเมื่อเทียบกับ X10 แต่ซอฟแวร์ในหลายจุดยังทำให้บางครั้งกดแล้วได้ภาพที่สีแปล่งๆมาบ้าง แต่ถ้าแสงปกตินี่ถือว่าคมชัดเลยล่ะ เรื่องไวท์บาลานซ์เพี้ยนก็ปรับแต่งได้ โดยมีหลายโหมดถ่ายภาพภาพนิ่งให้เลือก เช่น โหมดปกติ ,บุคคล, พาโนรามา, HDR 



กล้องหน้าอัพมาเป็น 32 ล้านพิกเซลมีความใสกริบกว่าเดิม และเป็นโนเกียที่มีกล้องหน้าความคมชัดมากที่สุดในตอนนี้ มีเมนูตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า 3 และ 10 วินาที มีเมนูปรับแต่งด้วย ZEISS​ ในโหมดภาพถ่ายบุคคล และในโหมดกล้องปกติแนะนำให้เปิดบิวตี้สกินในระดับที่ไม่เกิน 3 เพราะผิวหน้าจะดูแปลกมากไป 



ส่วนวิดีโอมีให้เลือกแบบ 1080P ทั้ง 30 และ 60 เฟรมต่อวินาที มีระบบกันสะเทือนด้วยซอฟแวร์ทำให้ภาพนิ่งขึ้น มีกริดและเครื่องวัดระดับให้ภาพถ่ายออกมาตรง โดยที่ไฮไลท์ยังคงเป็นโหมดภาพยนตร์ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวพร้อมได้ระบบเสียงแบบ OZO Audio​ ในอัตรา 24 เฟรมต่อวินาที (เพื่อควบคุมสมดุลแสง)​ มีระบบ H-Log จับไดนามิคภาพเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแสงเงา พร้อมฟังก์ชั่น "วิดีโอโปร" ควบคุมแสงสีทั้งหมดอย่างมืออาชีพ
: ภาพตัวอย่างอยู่ท้ายรีวิวด้านล่างสุด




- การจัดการพลังงาน - 
แบตเตอรี่ 4,470 มิลลิแอมป์ต้องบอกว่าอาจจะฟังดูน้อยในยุคนี้ แต่เมื่อเครื่องรันเข้าที่เข้าทางจะพบว่ามันประหยัดพลังงานมากครับ ถ้าเล่นเกมก็จะลดลงชั่วโมงละ 7-10% (ขึ้นอยู่กับเกมที่เล่น)​ ไถโซเชียลมีเดีย ดูยูทูบได้ 5-7 ชั่วโมง แบตก็จะลดลงตามการใช้งาน ทำให้ผมไม่รู้สึกร้อนใจหากวันนี้ไม่ได้เอาสายชาร์จไปทำงานด้วย ยังไงก็พกใช้งานได้ทั้งวัน แถมมีแบตเหลือๆจนกว่าจะกลับถึงบ้านได้ครับ



- สรุปภาพรวม -
ถ้ารุ่น X10 เป็นการต่อยอด G50 ... 

... รุ่นนี้อย่าง X20 ก็เป็นการต่อยอดความดีงามจาก X10 อีกทอดนึงครับ คุณจะได้แรมที่มากขึ้นเป็น 8GB และกล้องหน้าหลังที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าๆตัว จอคมชัดแบบ FHD และสีเครื่องที่เงางามหรูหรา นี่ก็คือเรือธงที่ลอยลงมาให้เราได้ครอบครองง่ายๆในราคาสบาย 



ข้อดี
- กล้องหลักคมชัดและมีความใสขึ้นเมื่อเทียบกับ X10
- กล้องหน้า 32ล้านฯ มากที่สุดในบรรดาโนเกียทุกรุ่นที่เคยมีมา 
- ลำโพงติดเครื่องเสียงดี มีมิติ ทุ้มนุ่มในระดับที่ดีไม่แสบหู
- รองรับ 5G ใช้กันยาวๆ

ข้อสังเกต
- กล้องหน้าแนะนำให้เปิดบิวตี้โหมดอย่าเกิน 3 ระดับ ไม่งั้นผิวหน้าจะประหลาดมาก 
- ยังไม่มีกันสั่นตอนถ่ายภาพนิ่ง ทำให้ต้องเล็งนานมาก
- ไม่รองรับการชมคอนเทนต์แบบ 4K เนื่องจากข้อจำกัดของชิปประมวลผล


Nokia X20 5G สมาร์ทโฟนชั้นเรือธงจากโนเกียในราคาแสนสบาย : รุ่นจำหน่ายในประเทศไทยมีเฉพาะรุ่นแรม 8GB รอม 128GB มีจำหน่ายสีเดียวคือ Midnight​ Sun​ โดยสนนราคา 6,990 บาท เริ่มจำหน่ายกับร้านทีจีโฟน ตัวแทนจำหน่ายทั่วไปและร้านค้าช็อปปิ้งออนไลน์ปลายเดือนกรกฏาคม 2566 เป็นต้นไป

สรุป 5 หัวข้อ 100 คะแนน
1. รูปทรงภายนอก = 20
2. วัสดุงานประกอบ = 19
3. การใช้งานทั่วไป = 18
4. ประสิทธิภาพการทำงาน = 18
5. ความคุ้มราคา (เมื่อเทียบสเปค) = 20

คะแนนรวม 95%

ขอบคุณ HMD Global (ประเทศไทย) เอื้อเฟื้อเครื่องสำหรับการรีวิวและดูแลเพจของเราอย่างดีครับ

*** ข้อความรีวิวและรูปภาพทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของทางเพจ ***


ตัวอย่างภาพถ่าย


ภาพจากกล้องหน้า (รูปเดียวนะ 55)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[ บทความพิเศษ ] ทำไมถึงใช้ชื่อว่า "Lumia"

[บทความพิเศษ] อยากรู้ความหมายของ Nokia Sirocco มั้ย?