[ รีวิว ] Nokia X10 : มาช้าแต่ก็มาแหละ ... สเปคดีราคาเยี่ยม สาวกโนเกียต้องรีบแล้ว
Nokia X10 เปิดตัวในเดือนเมษายน 2021 ถ้านับจนถึงวันนี้ (มกราคม 2023) ก็อายุเกือบ 2 ปี ... ในวันนั้นรุ่นนี้ไม่ได้วางจำหน่ายในไทยตั้งแต่แรก จนกระทั่งผมผู้ทำเพจ "บ้านคนรักโนเกีย" ได้รับแจ้งจากทางโนเกียว่ารุ่นนี้จะวางขายในไทย ก็ต้องยอมรับว่างงใจเล็กน้อย แต่อีกใจกลับต้องตื่นเต้นเพราะทราบมาว่ารอบนี้โนเกียนำทุกสีของรุ่นนี้มาขาย ... และดีใจแทนแฟนคลับโนเกียทุกคนที่ได้ทราบว่าราคาถูกจนแบบน่าเหลือเชื่อ
- สัมผัสแรก -
งานดีตามแบบฉบับของโนเกีย น้ำหนักเบากว่าที่คิดอีกแล้ว ตัวเครื่องเป็นพลาสติกมนๆแน่นๆหลับตาจับยังรู้ว่านี่โนเกีย ผสมกับหน้าจอกระจกที่ทนทานอย่าง Corning Gorilla Glass 3 ยิ่งทำให้ตัวเครื่องหนักแน่นมากขึ้น ... ฟีลผิวสัมผัสและขนาดตัวเครื่องแบบนี้นึกถึงการจับถือ Nokia Lumia 1320 ในอดีตเลยครับ
- ระบบปฏิบัติการ -
แน่นอนว่าต้องเป็นระบบ Pure Android ที่ไร้การปรุงแต่งจากกูเกิ้ล เมื่อแรกสุดของการวางขายรุ่นนี้มาพร้อมระบบ Android 11 และจนถึงวันนี้ที่มาขายในเมืองไทยจะเป็นระบบ Android 13 และสุดเพียงแค่นี้เพราะข้ามอัพเดทมาครบสองเวอร์ชั่นแล้ว ส่วนความปลอดภัยยังคงมีให้ต่ออีกราว 1 ปีครับ ถือว่าจุดนี้ก็ตามอายุของรุ่นที่เปิดตัวมาก่อนหน้าเกือบ 2 ปี ตัวระบบยังสามารถใช้งานได้ปกติไม่มีปัญหาอะไรครับ ลื่นไหลทำงานได้ไวเช่นเดิม รองรับทุกแอพที่คุณชอบอย่างครบถ้วน
- ตัวเครื่องทั่วไป -
ทำจากพลาสติกขึ้นรูปฝาหลังเป็นพลาสติกยังคงแข็งแรงตามสไตล์โนเกีย ซึ่งตัวสีขาวที่ผมได้รีวิวขอบอกว่าสวยมาก เนื้อสีหนา มีความประกายมุกถูกใจจริงๆ ตัวกล้องวงกลมด้านหลังไม่แน่ใจว่าเป็นขอบสแตนเลสหรือเปล่าแต่ดูแล้วแข็งแรงเหลือเกิน จอกระจกด้านหน้าเคลือบด้วย Gorilla 3 หน้าจอเป็นแบบ FHD (1080x2400) แบบเจาะรูกล้องหน้า จอให้สีสันสวยตามมาตรฐาน ถ้าเทียบแล้วความละเอียดจะมากกว่ารุ่นมหาชนชาวโนเกียอย่าง G50 ทำให้ถูกใจมากครับ
เมื่อดูด้านล่างจอขนาด 6.67 นิ้วจะมีชื่ออักษร "NOKIA" จารึกที่ที่คางด้านล่างซึ่งก็ไม่หนามาก ทางซ้ายมีปุ่ม Google Assistant ที่นิยมในตอนนั้น (แต่ปิดได้) ใช้ระบบสแกนนิ้วมือทางด้านขวาที่ปุ่มเปิดเครื่องสามารถปลดล็อคได้ไวมากครับ ด้านล่างเป็นมีพอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB-C และช่องต่อหูฟังแบบ 3.5mm เอาใจสายฟังเพลงด้วยหูฟังมีสาย แถมลำโพงเสียงเรียกเข้าก็เสียงเพราะในระดับที่ดีไม่แหลมแสบหู ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นสำหรับระดับกลางของแบรนด์เราขึ้นมาเลย
- ประสิทธิภาพและทำงานทั่วไป -
รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 480 5G (8 นาโนเมตร) นับเป็นรุ่นกลางที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง ผมทดสอบจากเปิดหลายแอพและสลับหน้าแอพไปมาพบว่าไม่สะดุดแต่อย่างใด
ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปประมวลผลระดับไม่สูงมากทำให้ไม่สามารถเล่นอะไรอลังการได้ เลยทดสอบเกมกราฟฟิคมหาโหดอย่าง Genshin Impact พบว่าเข้าเกมช้ามาก กราฟิคได้ต่ำสุด ซึ่งมันดูฝืนศักยภาพเกินไปอันนี้ไม่แนะนำครับเครื่องจะพังไว
แต่อีกหลายเกมที่ลองอย่าง Future Fight, Asphalt 9 หรือ Tacticool พบว่าเล่นได้ดีเลยในระดับกลาง ภาพสวยคมชัด ไม่มีอาการดีเลย์ซึ่งทำได้เหมาะสมในชิปราคาระดับนี้ และที่สำคัญคือเครื่องไม่ร้อนมากจนถือไม่ได้ (คงช่วยได้จากเครื่องเป็นพลาสติกไม่มีคุณสมบัตินำความร้อน) ซึ่งเป็นข้อดีมากๆอีกส่วนนึงของเจ้ารุ่นนี้
ส่วนแอพโซเชียลทั่วไปอย่าง Facebook, Instagram, Twitter, Line หรือแอพธนาคารการเงินต่างๆถือว่าทำได้ดีไม่พบปัญหาอะไรกับน้อง Nokia X10 บนระบบ Android 13 ครับ
- การถ่ายภาพ -
จุดเด่นของรุ่นนี้คือเลนส์กล้องหลักของ ZEISS ขนาด 48 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องทั้งชุดรวมเป็น 4 ตัว (Ultrawide 5 ล้านฯ, Macro และ Depth ตัวละ 2 ล้านฯ) และน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่เข้ามาขายในไทยโดยใช้คุณภาพเลนส์ยี่ห้อนี้
ผลการถ่ายภาพถือว่าทำได้ในระดับกลางๆ ไม่ดีมากจนตะลึง เป็นคุณภาพที่เรียกว่าพอใช้งานได้ในระดับที่ไม่แย่ ตัวภาพมีความคมตามสไตล์ของเลนส์สามารถเก็บภาพและนำไปแก้ไขเพิ่มได้ภายหลัง ในเครื่องมีหลายโหมดถ่ายภาพภาพนิ่งให้เลือก เช่น โหมดปกติ ,บุคคล, พาโนรามา, HDR และวิดีโอโหมดภาพยนตร์ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวพร้อมได้ระบบเสียงแบบ OZO Audio ที่ความละเอียด 1080P สูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที อันเป็นข้อจำกัดของชิปประมวลผลด้วยส่วนนึงครับ
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลยังคงให้งานแบบสไตล์โนเกีย คือ เรียลบิวตี้มากๆถึงจะเปิดตัวฟังชั่น"บิวตี้โหมด" แต่มันแปล่งเกินไป ส่วนตัวผมขอแนะนำให้ปรับแค่ไม่เกินระดับ 5 จาก 10 พอครับ
- การจัดการพลังงาน -
แบตเตอรี่ความจุ 4,470 มิลลิแอมป์กับจอแสดงผลระดับ FHD ในรุ่นนี้จากที่ผมทดสอบจริงสามารถเล่นตลอดวันในที่ทำงานหรือพกไปเที่ยว จะใช้แบตมากหน่อยในตอนใช้กล้องถ่ายภาพ และเมื่อเล่นเกมโดยเฉลี่ยจะลดไปชั่วโมงละ 10-13% ถือว่าจัดการได้ดีเยี่ยม ไม่กังวลเรื่องจะต้องมาคอยชาร์จเวลาจะไปไหน ถึงขนาดแบต 40% คุณก็สามารถออกไปเดินช็อปปิ้งได้สบายใจ
เรื่องการชาร์จไฟตัวนี้รองรับ 18W เมื่อชาร์จจริงจาก 5% ไป 100% อยู่ที่ 1.45 ชั่วโมงโดยประมาณ ไม่ช้าเกินและก็ไม่เร็วมากครับ
- สรุปภาพรวม -
ครั้งนี้แม้จะดูเป็นการเก็บตกจากรุ่นที่ราคาหลายบาทในตอนนั้น สู่รุ่นที่ราคาประหยัดลงในวันนี้ แต่ถือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคแบบเราได้เปรียบอยู่มากครับ เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับสาวกที่อยากสะสมหรือใช้โนเกียที่มีกล้องหลังกลมๆแบบนี้ และคงไม่มีรุ่นที่ใช้เลนส์ ZEISS เข้ามาขายในบ้านเราอีกแล้ว
ข้อดี
- เครื่องสวยวัสดุและดีไซน์งามมากดูมีคุณค่า พกง่ายไม่หนักเลย
- ใช้เลนส์กล้องหลักของ ZEISS
- รองรับสัญญาณ 5G
- หน้าจอแบบ FHD ดีขึ้นจากรุ่น G50
- มีมาขายสองสีทั้ง Forest และ Snow น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ข้อสังเกตุ
- กล้องหน้ายังบิวตี้ไม่สุด
- ไม่รองรับการชมคอนเทนต์แบบ 4K ขึ้นไปเนื่องจากข้อจำกัดของชิปประมวลผล
Nokia X10 รุ่นจำหน่ายในประเทศไทยมีเฉพาะรุ่นแรม 6GB รอม 128GB มาจำหน่ายทั้งสองสี คือ สีเขียว (Forest) และสีขาวประกายมุก (Snow) โดยสนนราคา 5,999 บาท เริ่มจำหน่ายกับร้านทีจีโฟน ตัวแทนจำหน่ายทั่วไปและร้านค้าช็อปปิ้งออนไลน์วันที่ 15 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
สรุป 5 หัวข้อ 100%
1. รูปทรงภายนอก = 20
2. วัสดุงานประกอบ = 19
3. การใช้งานทั่วไป = 15
4. ประสิทธิภาพการทำงาน = 16
5. ความคุ้มราคา (เมื่อเทียบสเปค) = 20
รวมคะแนน 90%
ขอบคุณ HMD Global (ประเทศไทย)
เอื้อเฟื้อเครื่องสำหรับการรีวิว
-----------------------------------------------------------
ตัวอย่างภาพถ่าย Nokia X10
*** ข้อความรีวิวทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของทางเพจ ***
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น